ทวีปอเมริกาเหนือ
ทวีปอเมริกาเหนือ
ขนาด
อเมริกาเหนือเป็นทวีปที่มีขนาดเนื้อที่ประมาณ 24,247,000 ตารางกิโลเมตร มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 รองจากทวีปเอเชียและแอฟริกา
อาณาเขตติดต่อ
1) ทิศเหนือ ติดต่อกับสมุทรอาร์กติก
2) ทิศตะวันออก ติดต่อกับสมุทรแอตแลนติก
3) ทิศใต้ ติดต่อกับ มหาสมุทรแปซิฟิก
4) ทิศตะวันตก ติดต่อกับมหาสมุทรแปซิฟิก
ภูมิภาค
อเมริกาเหนือแบ่งตามสภาพสังคมวัฒนธรรม มี 2 ส่วน ได้แก่ แองโกลอเมริกาและละตินอเมริกา โดยถือ
เอาแม่น้ำริโอแกรนด์ ( Rio Grande ) เป็นพรมแดนระหว่างเม็กซิโกกับสหรัฐอเมริกาเป็นแนวแบ่ง
1.แองโกลอเมริกา ( Anglo-America ) คือ ดินแดนที่อยู่ทางตอนเหนือของแม่น้ำริโอแกรนด์ ประกอบ
ด้วยประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ประชากรส่วนใหญ่เป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากชาวอังกฤษ
2.ละตินอเมริกา ( Latin-America ) คือ ดินแดนของประเทศต่างๆ ที่อยู่ทางตอนใต้ของแม่น้ำริโอแกรนด์
ประชากรส่วนใหญ่สืบเชื้อสายและวัฒนธรรมมาจากสเปนและโปรตุเกส
ลักษณะภูมิประเทศ แบ่งออกเป็น 4 เขต
1. เขตหินเก่าแคนาดา (Canadian Shield) ได้แก่ พื้นที่บริเวณรอบๆ อ่าวฮัดสันลงมาถึงทะเลสาบทั้ง 5
เป็นเขตหินที่เก่าแก่ที่สุดเช่นเดียวกับบอลติกชีลด์ในทวีปยุโรป ประกอบด้วยหินเปลือกโลกที่มีอายุเก่าแก่และผ่าน
การสึกกร่อนมานาน ลักษณะของพื้นที่จึงเป็นที่ราบเกือบทั้งหมดและอยู่ในเขตอากาศหนาวจัด ทางตอนเหนือมี
เกาะใหญ่น้อยมากมาย พื้นที่ส่วนใหญ่มีธารน้ำแข็งปกคลุม มีประชากรอาศัยอยู่เบาบางและมีจำนวนน้อยมาก
2. เขตเทือกเขาภาคตะวันออก มีอาณาเขตตั้งแต่เกาะนิวฟันด์แลนด์ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของ
แคนาดาลงมาถึงภาคตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา เป็นเขตหินเก่าแต่มีอายุน้อยกว่าเขตหินเก่าแคนาดา
ประกอบด้วยเทือกเขาเตี้ยๆ ที่ผ่านการสึกกร่อนมานาน ได้แก่ เทือกเขาแอปปาเลเชียน มียอดเขาสูงสุดชื่อ ยอด
เขามิตเชล อยู่ในมลรัฐนอร์ทแคโรไลนา สูง 2,005 เมตร
3. เขตเทือกเขาสูงภาคตะวันตก เป็นเขตเทือกเขาสูงที่สลับซับซ้อนกันหลายแนวที่เกิดจากการโก่งตัว
ของเปลือกโลกที่มีอายุน้อย จึงเป็นเขตที่มักเกิดปรากฏการณ์แผ่นดินไหว มีอาณาบริเวณตั้งแต่ตอนเหนือสุดของ
ช่องแคบแบริงจนถึงประเทศปานามา ได้แก่ เทือกเขาอะแลสกา มียอดเขาสูงสุดในทวีปอเมริกเหนือ ชื่อ ยอด
เขาแมกคินลีย์ (6,190 เมตร) เทือกเขารอกกี เทือกเขาแคสเกต เทือกเขาเซียราเนวาดา เทือกเขาเซียรามาเดร
และเทือกเขาโคสต์ระหว่างเทือกเขาสูงเหล่ามีที่ราบสูงระหว่างเทือกเขาที่สำคัญ คือ ที่ราบสูงอะแลสกา ที่ราบ
สูงบริติชโคลัมเบีย ที่ราบสูงเกรตเบซิน ที่ราบสูงโคโลราโด และที่ราบสูงเม็กซิโก โดยเฉพาะที่ราบสูงโคโลราโด
มีลักษณะภูมิประเทศที่เป็นโกรกธาร หุบเหวลึก มีหน้าผาสูงชัน ซึ่งเป็นผลมาจากการไหลของแม่น้ำโคโลราโด
ทำให้เกิดการกัดเซาะดินและชั้นหิน เกิดเป็นภูมิประเทศที่สวยงาม ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด คือ แกรนด์แคนยอน
( Grand Canyon ) ในมลรัฐแอริโซนา และมีอุทยานแห่งชาติที่มีชื่อเสียงมาก คือ อุทยานแห่งชาติเยลโลสโตน
เป็นอุทยานน้ำพุร้อนกีเซอร์ รวม 120 แห่ง
4. เขตที่ราบภาคกลาง เป็นที่ราบกว้างใหญ่ มีอาณาเขตตั้งแต่มหาสมุทรอาร์กติกทางตอนเหนือลงมา
จนถึงอ่าวเม็กซิโกทางตอนใต้ และระหว่างเทือกเขารอกกีกับเทือกเขาแอปปาเลเชียน ประกอบด้วยชั้นหินที่เกิด
จากการโก่งตัวของเปลือกโลก ลักษณะโดยทั่วไปเป็นที่ราบลูกคลื่น คือ บริเวณที่สูงจะอยู่ตอนเหนือและเขต
ติดต่อกับเทือกเขารอกกี บริเวณตอนกลางเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำต่างๆ ประกอบด้วยเขตที่ราบ 6 เขต คือ
4.1 ที่ราบลุ่มแม่น้ำแมกเคนซี (Mackenzie Lowlands) อยู่ตอนเหนือสุดระหว่างเขตหินเก่าแคนาดากับ
เทือกเขาแมกคินลีย์ เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำแคบๆ มีประชากรอาศัยอยู่เบาบาง เนื่องจากมีอากาศหนาวเย็น
4.2 ที่ราบแพร์รีแคนาดา (Canadian Prairie) เป็นที่ราบใหญ่อยู่ทางภาคกลางของแคนาดา ได้แก่
บริเวณรัฐแมนิโทบา ซัสแคตเชวัน แอลเบอร์ทา เป็นเขตปลูกข้าวสาลีที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก
4.3 ที่ราบลุ่มทะเลสาบทั้ง 5 และลุ่มแม่น้ำเซนต์ลอเรนซ์ (Great Lakes and St.Lawrence)
ทะเลสาบทั้ง 5 ได้แก่ ทะเลสาบสุพีเรีย (ทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในโลก) มิชิแกน ฮูรอน อีรี และออนแตริโอ
เป็นแหล่งน้ำที่มีอาณาเขตติดต่อกัน และระหว่างทะเลสาบอีรีกับออนแตริโอมีน้ำตกขนาดใหญ่ ชื่อว่า
น้ำตกไนแอการาและที่ชายฝั่งทะเลสาบออนแตริโอ มีทางระบายซึ่งเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำเซนต์ลอเรนซ์ไหล
ลงสู่มหาสมุทรแอตแลนติก เขตที่ราบรอบทะเลสาบทั้ง 5 และลุ่มแม่น้ำเซนต์ลอเรนซ์ มีดินที่เหมาะแก่การเพาะ
ปลูก และเป็นบริเวณที่การขนส่งทางน้ำภายในทวีปสำคัญที่สุดในโลก จึงเป็นเขตที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น
4.4 ที่ราบลุ่มแม่น้ำมิสซิสซิปปี-มิสซูรี (Missisippi-Missouri Plain) เป็นที่ราบที่เกิดจากแม่น้ำพัดเอา
ดินตะกอนมาทับถมเป็นบริเวณกว้าง เหมาะแก่การเพาะปลูก ได้แก่ แม่น้ำมิสซิสซิปปี ซึ่งมีความยาวที่สุดใน
อเมริกาเหนือ ยาว 3,779 กิโลเมตร ไหลลงสู่อ่าวเม็กซิโก และมีแม่น้ำสาขา คือ แม่น้ำมิสซูรี โอไฮโอ เทนเนสซี
อาร์คันซอส์เป็นเขตที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นแห่งหนึ่งของอเมริกาเหนือ
4.5 ที่ราบชายฝั่งอ่าวเม็กซิโกและชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก (Gult Coast and Atlantic Plain)
มีบริเวณตั้งแต่ทางตะวันออกของเทือกเขาแอปปาเลเชียนลงไปทางใต้ถึงอ่าวเม็กซิโก โดยเฉพาะที่ราบชายฝั่ง
อ่าวเม็กซิโกเป็นเขตที่มีอากาศร้อน จึงเหมาะแก่การปลูกพืชเมืองร้อน เช่น ยาสูบ ข้าวเจ้า ฝ้าย ผลไม้ต่างๆ
4.6 ที่ราบบนที่สูง (High Plains)ได้แก่ พื้นที่ทางด้านตะวันออกของเทือกเขารอกกี ซึ่งเป็นเขตเงาฝน
หรือเขตอับลม ทำให้มีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยต่อปีต่ำ เป็นเขตเหมาะสำหรับปลูกข้าวสาลี โดยใช้เครื่องจักรทุ่นแรงใน
การเพาะปลูกแบบไร่ขนาดใหญ่
ลักษณะภูมิอากาศ ปัจจัยที่ควบคุมภูมิอากาศให้มีลักษณะแตกต่างกัน มีดังนี้
1. ที่ตั้ง อเมริกาเหนือเป็นทวีปมีอาณาเขตตั้งแต่ใกล้ขั้วโลกถึงใกล้เส้นศูนย์สูตร ทำให้มีอากาศทั้งใน
เขตหนาว อบอุ่น และร้อน แต่ส่วนใหญ่อยู่ในเขตอบอุ่น (ซึ่งอยู่ระหว่างเส้นทรอปิกออฟแคนเซอร์กับเส้นอาร์กติก
เซอร์เคิล : 23 – 66 องศาเหนือ)
2. ลักษณะภูมิประเทศ เทือกเขาส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในแนวเหนือ-ใต้ โดยเฉพาะทางตะวันตก เป็นกำแพง
ขวางกั้นทิศทางลมที่พัดนำความชื้นจากมหาสมุทรแปซิฟิก ทำให้พื้นที่ภายในทวีปเป็นเขตแห้งแล้งแบบ
ทะเลทรายและกึ่งทะเลทราย ส่วนทางตะวันออกมีเทือกเขาไม่สูงมากนัก ซึ่งวางตัวอยู่ในแนวตะวันออกเฉียง
เหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ ไม่ขวางกั้นทิศทางลมที่นำความชื้นจากมหาสมุทรแอตแลนติก และมีอิทธิพลต่อ
ภูมิอากาศส่วนใหญ่ของทวีปอเมริกาเหนือ
3. กระแสน้ำ ชายฝั่งตะวันออกด้านมหาสมุทรแอตแลนติกของสหรัฐอเมริกา มีกระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม
ไหลผ่าน ทำให้ชายฝั่งด้านนี้มีอากาศไม่หนาวเย็นมากนัก แม้จะตั้งอยู่ในละติจูดสูง ส่วนชายฝั่งตะวันออกด้าน
มหาสมุทรแอตแลนติกของแคนาดา มีกระแสน้ำเย็นแลบราดอร์ไหลผ่าน ทำให้มีอากาศหนาวเย็นมากบริเวณที่
กระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีมกับกระแสน้ำเย็นแลบราดอร์ ไหลมาบรรจบกัน ทำให้เป็นแหล่งที่มีปลาชุกชุมมากแห่งหนึ่ง
ของโลก เรียกว่า แกรนด์ แบงก์ ทางชายฝั่งด้านมหาสมุทรแปซิฟิก มีกระแสน้ำอุ่นอะแลสกาเหนือไหลผ่าน ทำ
ให้มลรัฐวอชิงตันของสหรัฐอเมริกาและรัฐบริติชโคลัมเบีย มีอากาศอบอุ่นไม่หนาวเย็น แม้จะอยู่ในละติจูดสูง
ส่วนทางใต้มีกระแสน้ำเย็นแคลิฟอร์เนียไหลเลียบชายฝั่ง ทำให้ชายฝั่งด้านนี้มีอากาศไม่ร้อนจัดในฤดูร้อน แม้จะ
ตั้งอยู่ในละติจูดต่ำ
เขตภูมิอากาศในอเมริกาเหนือ แบ่งออกเป็น 12 เขต ดังนี้
1. ภูมิอากาศแบบป่าดิบชื้น ( Tropical Rainforest Climate )
ลักษณะอากาศ เป็นภูมิอากาศที่มีฝนตกชุกและอุณหภูมิสูงตลอดปี
พืชพรรณธรรมชาติ เป็นป่าดิบชื้น
บริเวณที่พบ ชายฝั่งตะวันออกของอเมริกากลาง บางส่วนของหมู่เกาะอินดีสตะวันตก
2. ภูมิอากาศแบบทุ่งหญ้าเมืองร้อน ( Tropical Grassland Climate )
ลักษณะอากาศ เป็นภูมิอากาศที่มีอุณหภูมิในฤดูร้อนกับฤดูหนาวแตกต่างกันมาก มีฝนตกปานกลาง
ส่วนใหญ่ตกในฤดูร้อนและมีฤดูแล้งสลับปีละหลายเดือน
พืชพรรณธรรมชาติ เป็นป่าโปร่งสลับทุ่งหญ้า เรียกว่า ทุ่งหญ้าสะวันนา
บริเวณที่พบ พื้นที่ส่วนใหญ่
ของเม็กซิโกและหมู่เกาะอินดีสตะวันตก ชายฝั่งตะวันตกของอเมริกากลาง
3. ภูมิอากาศแบบทะเลทราย (Desert Climate)
ลักษณะอากาศ เป็นภูมิอากาศร้อนแห้งแล้ง ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยไม่เกิน 10 นิ้ว/ปี
พืชพรรณธรรมชาติ เป็นพืชจำพวกตะบอกเพชรและไม้ประเภทมีหนาม
บริเวณที่พบ ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกาและภาคเหนือของเม็กซิโก
4. ภูมิอากาศแบบทุ่งหญ้ากึ่งทะเลทราย (Steppe Climate)
ลักษณะอากาศ เป็นภูมิอากาศร้อนแห้งแล้ง ฤดูหนาวอากาศหนาวจัด ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 10-15 นิ้ว/ปี
พืชพรรณธรรมชาติ เป็นทุ่งหญ้าสั้นๆ เรียกว่า ทุ่งหญ้าสเตปป์ (Steppe)
บริเวณที่พบ ชายขอบของทะเลทรายทางตะวันตกและตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา บางส่วน
ของแคนาดาและเม็กซิโก
5. ภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน ( Mediterranean Climate )
ลักษณะอากาศ เป็นภูมิอากาศร้อนจัดและแห้งแล้งในฤดูร้อน มีอากาศอบอุ่น มีฝนตกในฤดูหนาว
พืชพรรณชาติ เป็นทุ่งหญ้าสลับป่าไม้พุ่มเตี้ยๆ หรือเรียกว่า ป่าแคระ ( Chaparral )
บริเวณที่พบ ชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกทางตอนกลางของมลรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐอเมริกา
6. ภูมิอากาศแบบภาคพื้นสมุทรชายฝั่งตะวันตก ( Marine Westcoast Climate )
ลักษณะอากาศ มีอากาศในฤดูร้อนอบอุ่นถึงค่อนข้างเย็น ฤดูหนาวอากาศไม่หนาวจัด มีฝนตกสม่ำ
เสมอตลอดปี เพราะได้รับอิทธิพลจากลมประจำตะวันตก
พืชพรรณธรรมชาติ เป็นป่าไม้ผลัดใบผสมกับป่าสน
บริเวณที่พบ ชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกของสหรัฐอเมริกาและแคนาดา
7. ภูมิอากาศแบบอบอุ่นชื้น ( Humid Subtropical Climate )
ลักษณะอากาศ มีลักษณะอากาศอบอุ่น อุณหภูมิปานกลาง ฝนตกตลอดปีไม่มีฤดูแล้ง
พืชพรรณธรรมชาติ เป็นป่าไม้ใบกว้างผลัดใบ
บริเวณที่พบ ภาคตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา ที่ราบชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก
ดินแดนที่อยู่ภายในทวีปมีฝนตกน้อย พืชพรรณเป็นทุ่งหญ้ายาวในเขตอบอุ่น เรียกว่า ทุ่งหญ้าแพร์รี ( Prairie )
8. ภูมิอากาศแบบอบอุ่นชื้นภาคพื้นทวีป ( Humid Continental Climate )
ลักษณะอากาศ ฤดูร้อนมีอุณหภูมิปานกลางถึงสูงมาก และมีฝนตก ฤดูหนาวมีอากาศหนาว
พืชพรรณธรรมชาติ เป็น ป่าสนผสมป่าไม้ผลัดใบ
บริเวณที่พบ พื้นที่ทางตะวันออกและตะวันตกของทะเลสาบทั้ง 5 ( บริเวณทางตอนใต้ของแคนาดา
และตอนเหนือของสหรัฐอเมริกา)
9. ภูมิอากาศแบบไทกา ( Taiga Climate ) หรือ ภูมิอากาศกึ่งขั้วโลก
ลักษณะอากาศ มีฤดูร้อนมีอากาศค่อนข้างเย็น มีระยะเวลาสั้น มีฝนตกน้อย ฤดูหนาวมีอากาศ
หนาวจัด มีหิมะตก
พืชพรรณธรรมชาติ ป่าสน เป็นแหล่งไม้เนื้ออ่อนที่สำคัญของอเมริกาเหนือ พบบริเวณมลรัฐ
อะแลสกา และพื้นที่ส่วนใหญ่ทางภาคเหนือของแคนาดา
10. ภูมิอากาศแบบทุนดรา ( Tundra Climate ) หรือ ภูมิอากาศแบบขั้วโลก
ลักษณะอากาศ เป็นภูมิอากาศที่มีอากาศหนาวจัดตลอดปี ในฤดูร้อนไม่เดือนใดที่มีอุณหภูมิสูงกว่า
10 องศาเซลเซียส
พืชพรรณธรรมชาติ เป็นพวกตะไคร่น้ำ มอสส์
บริเวณที่พบ ชายฝั่งของมหาสมุทรอาร์กติกของมลรัฐอะแลสกาและแคนาดา
11. ภูมิอากาศแบบทุ่งน้ำแข็ง ( Ice-cap Climate )
ลักษณะอากาศ มีอากาศหนาวจัดและมีน้ำแข็งปกคลุมตลอดปี
บริเวณที่พบ ตอนกลางของเกาะกรีนแลนด์
12. ภูมิอากาศแบบที่สูง ( Highland Climate )
ลักษณะอากาศ ภูมิอากาศที่อากาศเปลี่ยนแปลงไปตามความสูงของพื้นที่ทุก ๆ ความสูง 180 เมตร
อุณหภูมิลดลง 1 องศาเซลเซียส
ลักษณะทางเศรษฐกิจ และอาชีพของประชากร
เศรษฐกิจของทวีปอเมริกาเหนือ
1.การเพาะปลูก เป็นดินแดนผลิตอาหารที่สำคัญของโลก เป็นผู้นำในการผลิตข้าวโพดข้าวสาลี
2.การเลี้ยงสัตว์ มีการทำฟาร์มปศุสัตว์ขนาดใหญ่ ชาวอเมริกันนิยมรับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์ นมเนย
มากกว่าอาหารโปรตีนชนิดอื่น วัวเนื้อ เลี้ยงบริเวณ เกรตเพลน (Great Plain) แหล่งเลี้ยงวัวนม ได้แก่บริเวณรอบ
ทะเลสาบ ทั้ง 5
3.การประมง มีการจับปลาในเขตน้ำตื้นชายฝั่ง แหล่งปลาชุกชุมอยู่ใกล้เกาะนิวฟันด์แลนด์ เรียกว่า
แกรนด์แบงก์
4.การอุตสาหกรรม อเมริกาเหนือเป็นทวีปที่ได้ชื่อว่าล้ำหน้าในเรื่องการอุตสาหกรรมของโลก โดยเฉพาะ
4.การอุตสาหกรรม อเมริกาเหนือเป็นทวีปที่ได้ชื่อว่าล้ำหน้าในเรื่องการอุตสาหกรรมของโลก โดยเฉพาะ
อย่างยิ่ง ประเทศสหรัฐอเมริกา จะมีโรงงานผลิตสินค้าชนิดต่างๆ กระจายอยู่ทุกภูมิภาคของประเทศ อุตสาหกรรม
สำคัญได้แก่การผลิตเหล็ก และเหล็กกล้า เครื่องจักรกล อุตสาหกรรมเกี่ยวกับการขนส่ง เขตอุตสาหกรรมที่สำคัญ
ของสหรัฐอเมริกา คือ ชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก เข้ามาภายในจนถึงทะเลสาบใหญ่ทางตะวันตก และเขตที่
สำคัญได้แก่การผลิตเหล็ก และเหล็กกล้า เครื่องจักรกล อุตสาหกรรมเกี่ยวกับการขนส่ง เขตอุตสาหกรรมที่สำคัญ
ของสหรัฐอเมริกา คือ ชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก เข้ามาภายในจนถึงทะเลสาบใหญ่ทางตะวันตก และเขตที่
ราบลุ่มแม่น้ำมิสซิสซิปปี มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น ย่านอุตสาหกรรมของแคนาดาอยู่บริเวณทางตอนใต้ของ
ประเทศ ทำกระดาษและเยื่อไม้
5.การพาณิชยกรรม เป็นตลาดการค้าสำคัญของโลก มีประชากรจำนวนมาก เศรษฐกิจดี ผู้นำในทวีปอเมริกา
เหนือทั้ง 3 ชาติ คือสหรัฐอเมริกา แคนาดา และเม็กซิโก รวมกลุ่มกัน จัดตั้งเป็น เขตการค้าเสรีอเมริกาเหนือ
หรือนาฟตา (NAFTA) เพื่อต่อรองและถ่วงดุลอำนาจกับประชาคมยุโรป
ลักษณะทาง สังคม วัฒนธรรมทวีปอเมริกาเหนือ
ทวีปอเมริกาเหนือ แบ่งสภาพทางวัฒนธรรมออกเป็นกลุ่มต่างๆ ดังนี้
1. แองโกลอเมริกา ได้แก่ดินแดนทางตอนเหนือของแม่น้ำริโอแกรนด์ ประกอบด้วยประเทศสหรัฐอเมริกา
1. แองโกลอเมริกา ได้แก่ดินแดนทางตอนเหนือของแม่น้ำริโอแกรนด์ ประกอบด้วยประเทศสหรัฐอเมริกา
ประชากรส่วนใหญ่สืบเชื้อสายมาจากประเทศอังกฤษ และฝรั่งเศส พูดภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส นับถือศาสนาคริสต์
นิกายโปรเตสแตนต์ รักอิสรภาพ นิยมการปกครองระบอบประชาธิปไตย
2. ละตินอเมริกา ได้แก่ดินแดนทางตอนใต้ของแม่น้ำริโอแกรนด์ ประชากรส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลทางเชื้อชาติ
และวัฒนธรรม จากประเทศโปรตุเกสและสเปน นับถือศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาธอลิก
3. กลุ่มชาวพื้นเมืองและพวกเลือดผสม ได้แก่ ลูกผสมระหว่าง ยุโรป และอินเดียนแดง เรียกว่า เมสติโซ
เป็นกลุ่มประชากรส่วนใหญ่ ที่อาศัยอยู่ในเขตละตินอเมริกา ลูกผสมระหว่าง ยุโรปและนิโกร เรียกว่า มูแลตโต
4. กลุ่มประชากรเชื้อสายเอเชีย มีผิวสีน้ำตาลเหลือง อพยพมาจากเอเชียตะวันออก ได้แก่ชาวเอสกิโม
เป็นกลุ่มประชากรส่วนใหญ่ ที่อาศัยอยู่ในเขตละตินอเมริกา ลูกผสมระหว่าง ยุโรปและนิโกร เรียกว่า มูแลตโต
4. กลุ่มประชากรเชื้อสายเอเชีย มีผิวสีน้ำตาลเหลือง อพยพมาจากเอเชียตะวันออก ได้แก่ชาวเอสกิโม
ปัจจุบันอาศัยอยู่ในประเทศแคนาดา และในรัฐอะแลสกา สหรัฐอเมริกา
5. กลุ่มประชากรเชื้อสายนิโกร จากทวีปแอฟริกา เป็นกลุ่มที่ชาวผิวขาวนำมาเป็นทาสในรุ่นแรก ๆ
ภาษา
ภาษาที่ใช้ในทวีปอเมริกา ส่วนใหญ่เป็นตระกูล อินโด – ยูโรเปียน มีหลายกลุ่ม คือ
ภาษาที่ใช้ในทวีปอเมริกา ส่วนใหญ่เป็นตระกูล อินโด – ยูโรเปียน มีหลายกลุ่ม คือ
ฺ – ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาประจำชาติ และภาษาราชการประเทศแคนาดาและสหรัฐอเมริกา
– ภาษาสเปน เป็นภาษาราชการของประเทศเม็กซิโก และประเทศต่างๆ ในอเมริกากลาง
– ภาษาฝรั่งเศส ใช้กันมากในมณฑลควีเบกประเทศแคนาดา และในเกาะ เฮติ
– ภาษาอื่นๆ เช่น ภาษาเอสกิโม ภาษาเผ่าต่างๆของชนกลุ่มน้อยของทวีปอเมริกาเหนือ ภาษาของชาว
เอเชีย เช่น จีน ญี่ปุ่น ฟิลลิปปินส์ เป็นต้น
ศาสนา
ประชากรส่วนใหญ่ในทวีปอเมริกาเหนือนับถือศาสนาคริสต์ นิกายที่สำคัญ ได้แก่ นิกายโปรเตสแตนต์ เป็น
ประชากรส่วนใหญ่ในทวีปอเมริกาเหนือนับถือศาสนาคริสต์ นิกายที่สำคัญ ได้แก่ นิกายโปรเตสแตนต์ เป็น
ศาสนาที่ประชากรส่วนใหญ่ในสหรัฐอเมริกา และแคนาดานับถือ นิกายโรมันคาธอลิก เป็นศาสนาที่ประชากรใน
มณฑลควีเบก ของ แคนาดา และประเทศในกลุ่มละตินอเมริกาที่เคยเป็นอาณานิคมของสเปนนับถือ
ประชากร
เปรียบเทียบลักษณะทางสังคม ของประชากรในทวีปอเมริกาเหนือ คือ
ลักษณะทางสังคมของกลุ่มแองโกล – อเมริกา
– เป็นสังคมของประเทศที่มั่งคั่ง มีมาตรฐานการครองชีพสูง
– เป็นสังคมของประเทศที่มั่งคั่ง มีมาตรฐานการครองชีพสูง
– เป็นสังคมประชาธิปไตย ประชากรมีอิสรภาพ เสรีภาพ ให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชนสูง
– เป็นสังคมเมืองมากกว่าสังคมชนบท
– เป็นสังคมอุตสาหกรรม และพาณิชยกรรม
– ประชากรได้รับความสะดวกสบาย
ลักษณะทางสังคมของกลุ่ม ละตินอเมริกา
– เป็นสังคมของประเทศยากจน ประชากรมีรายได้ต่ำ
– เป็นสังคมของประเทศยากจน ประชากรมีรายได้ต่ำ
– เป็นสังคมกึ่งประชาธิปไตย กึ่งเผด็จการ มีการปฏิวัติรัฐประหารบ่อย บางประเทศ เช่น คิวบาเป็น
คอมมิวนิสต์ เป็นต้น
– เป็นสังคมชนบทมากกว่าสังคมเมือง
– ส่วนใหญ่เป็นประเทศเกษตรกรรม
– เป็นสังคมที่นับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ลักษณะการกระจายตัวของประชากร
1. บริเวณที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น ได้แก่ ภาคตะวันออกของทวีป ซึ่งมีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบ
มีอากาศอบอุ่นสบาย ได้รับอิทธิพลจากทะเล มีปริมาณฝนเพียงพอ เหมาะแก่การเพาะปลูก อุดมด้วยทรัพยากร
ธรรมชาติ ได้แก่ เหล็ก ถ่านหิน น้ำมันปิโตรเลียม ส่งเสริมอุตสาหกรรมให้เจริญก้าวหน้า การคมนาคมขนส่ง
สะดวก
2. บริเวณที่มีประชากรอาศัยอยู่เบาบาง ได้แก่บริเวณภาคตะวันตก ที่มีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสูง เป็น
อุปสรรคต่อการคมนาคมและการประกอบอาชีพทุกชนิด บริเวณทะเลทราย ที่มีลักษณะอากาศรุนแรง เขตอากาศ
หนาวเย็นใน รัฐอะแลสกา และตอนเหนือของแคนาดา ทวีปอเมริกาเหนือ เป็นทวีปที่อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากร
ธรรมชาติหลายชนิด ที่เด่นมาก ได้แก่
1. ทรัพยากรป่าไม้ แหล่งป่าไม้ที่สำคัญ อยู่ในเขตประเทศแคนาดา และสหรัฐอเมริกา บางส่วนของเม็กซิโก
บริเวณแนวเทือกเขารอกกี
2.ทรัพยากรแร่ธาตุ และพลังงาน พบถ่านหินมากในเขตเทือกเขาแอปปาเลเชียน แร่เหล็ก มีแหล่งผลิตบริเวณ
ทะเลสาบทั้ง 5 โดยเฉพาะทะเลสาบสุพีเรีย ทองแดงมีมากในปานามา น้ำมันและก๊าซธรรมชาติมีแหล่งผลิตที่
เทกซัส หลุยเซียนา แคลิฟอร์เนีย และอะแลสกา พลังงานน้ำที่นำมาใช้ในการหมุนกังหันผลิตกระแสไฟฟ้า มีมาก
ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์
ทวีปอเมริกาเหนือจัดเป็นทวีปในโลกใหม่ ซึ่งได้มีการพัฒนาตัวเองตามสมัยประวัติศาสตร์ 3 สมัยใหม่ๆ
ดังนี้
1.สมัยอาณาจักรของชนพื้นเมือง ชาวพื้นเมืองดังเดิมของทวีปอเมริกาเหนือคือ ชาวอเมริกัน
อินเดียน หรืออินเดียน ซึ่งมีเชื้อสายมองโกลอยด์ อพยพมาจากทวีปเอเชียผ่านช่องแคบเบริงเมื่อหลายพันปี
มาแล้ว และได้อพยพแผ่กระจายไปทั่วทวีปอเมริกาเหนือ พวกอินเดียนประกอบด้วยชนหลายเผ่า เช่น
– พวกมายา (Mayas) ตั้งถิ่นฐานในประเทศต่างๆ แถบอเมริกากลาง ได้แก่ ตอนใต้ของเม็กซิโก
กัวเตมาลา บริติชฮอนดูรัส เอลซัลวาดอร์ และฮอนดูรัส ชนเผ่านี้ได้สร้างความเจริญในด้านต่างๆ เช่น
การก่อสร้าง การประดิษฐ์อักษรภาพ (เฮียโรคลิฟฟิก) การจัดระบอบการปกครอง และความรู้ด้านดาราศาสตร์
เป็นต้น
– พวกแอซเต็ก (Aztecs) ชนเผ่านี้ส่วนใหญ่ตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณประเทศสหรัฐเม็กซิโก ในปัจจุบัน
ชนเผ่านี้ รู้จักการทอผ้าทำเครื่องประดับ และทำเครื่องปั้นดินเผา
– พวกอินคา (Incas) ชนเผ่านี้ตั้งถิ่นฐานอยู่ในบริเวณทวีปอเมริกาใต้
สมัยการสำรวจและการก่อตั้งอาณานิคม ก่อนที่คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ชาวอิตาลีจะได้แล่นเรือมา
ขึ้นบกที่ฝั่งทวีปอเมริกาเหนือ เมื่อปีพ.ศ. 2035 นั้น มีชาวไวกิ้งจากภาคเหนือของยุโรปเข้ามาอาศัยอยู่ก่อนแล้ว
จนกระทั่งเมื่อ 500 ปีกว่านี้เอง ภายหลังคริสโตเฟอร์ โคลัมบัสได้เดินทางมาพบหมู่เกาะอินดิสตะวันตก แต่พิสูจน์
ไม่ได้ว่าเป็นโลกใหม่ ผู้พิสูจน์ได้คือ อเมริโก เวสปุสชี จึงตั้งชื่อหมู่เกาะนี้เป็นเกียรติแก่คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ว่า
"ทวีปอเมริกา" การค้นพบครั้งนี้ทำให้ชาวยุโรปได้มาตั้งอาณานิคมต่างๆ กันมากขึ้น
– ชาวอังกฤษ ได้ตั้งอาณานิคมแห่งแรกที่เวอร์จิเนีย เรียกว่า นิวอิงแลนด์
– ชาวฝรั่งเศส ได้ตั้งถิ่นฐานบริเวณลุ่มแม่น้ำเซนต์ลอว์เรนซ์ถึงทะเลสาบเกรตเลคส์ปากแม่น้ำมิสซิสซิปปี
และได้ตั้งชื่ออาณานิคมว่า นิวฟรานซ์
– ชาวสเปน ตั้งถิ่นฐานบริเวณประเทศเม็กซิโก อเมริกากลาง หมู่เกาะอินดิสตะวันตกและได้ตั้งชื่อ
อาณานิคมว่า "นิวสเปน"
– ชาวฮอลันดา ได้ตั้งอาณานิคม "นิวฮอลแลนด์" บริเวณปากแม่น้ำฮัดสัน และยังได้ซื้อเกาะแมนฮัตตัน
จากหัวหน้าเผ่าอินเดียนด้วยราคา 60 กิลเดอร์ หรือ 24 ดอลลาร์สหรัฐฯ แล้วสร้างเมืองขึ้นบนเกาะ เรียกว่า
นิวอัมสเตอร์ดัม ต่อมาอังกฤษได้ยึดครอง แล้วเปลี่ยนชื่อใหม่ว่า นิวยอร์ก เพื่อเฉลิมพระเกียรติแด่ ดุ๊ก ออฟ ยอร์ก
พระราชอนุชาในพระมหากษัตริย์อังกฤษขณะนั้น
– ชาวสวีเดน ได้จับจองบริเวณฝั่งแม่น้ำดาลาแวร์ และได้ตั้งชื่ออาณานิคมว่า นิวสวีเดน
สมัยการได้รับเอกราชของประเทศต่างๆ ประเทศที่ตกเป็นอาณานิคมของชาติมหาอำนาจในขณะนั้น
มีดังต่อไปนี้
– การได้รับเอกราชของสหรัฐอเมริกา อาณานิคมของอังกฤษทั้ง 13 แห่ง บนชายฝั่งมหาสมุทร
แอตแลนติก เป็นดินแดนแห่งแรกในอเมริกาเหนือที่ได้รับเอกราช ซึ่งกว่าจะหลุดพ้นจากอาณานิคมก็ต้องสู้รบกับ
อังกฤษถึง 8 ปี จึงได้รับเอกราชโดยสมบูรณ์ และหลังจากได้รับเอกราชแล้ว สหรัฐอเมริกาได้ขยายดินแดนไปจด
มหาสมุทรแปซิฟิก โดยการบุกเบิกดินแดนที่ยังว่างเปล่า การเจรจรขอซื้อ จนถึงกับการทำสงคราม ทำให้สหรัฐ
อเมริกาใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากประเทศแคนาดา
– การได้รับเอกราชของแคนาดา เริ่มแรกแคนาดาเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส ต่อมาต้องเสียดินแดน
ให้อังกฤษทีละน้อยจนไม่เหลือ หลังจากนั้นต่อมาอังกฤษจึงยินยอมให้แคนาดาปกครองตนเอง
– การได้รับเอกราชของเม็กซิโกและอเมริกากลาง ก่อนที่เม็กซิโกได้รับเอกราชต้องสู้รบกับสเปน
เป็นเวลานานถึง 11 ปี หลังจากนั้นเม็กซิโกต้องเสียดินแดนตอนเหนือให้สหรัฐอเมริกา ส่วนอาณานิคมของสเปน
ในอเมริกากลางส่วนใหญ่ได้รับเอกราชพร้อมกับเม็กซิโก
– การได้รับเอกราชของหมู่เกาะอินดิสตะวันตก ดินแดนในหมู่เกาะอินดิสตะวันตกที่ได้รับเอกราช
เป็นชาติแรก คือ ประเทศเฮติ ได้รับจากฝรั่งเศสหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2
การเมืองการปกครอง
ลักษณะการปกครอง
ประเทศในทวีปอเมริกาเหนือจะมีการเมืองการปกครองเสรีนิยมเป็นส่วนมาก แต่การปกครองแบบ
เสรีนิยมยังมีความแตกต่างกันบ้าง ซึ่งมีลักษณะการปกครอง ดังนี้
– กลุ่มแองโกล-อเมริกา เป็นกลุ่มที่รักอิสระ เสรีภาพ ประชาชนนิยมการปกครองระบอบประชาธิปไตย
โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำของประเทศประชาธิปไตยทั้งหลายในโลก แคนนาดาก็มี
รูปแบบการปกครองคล้ายกับสหรัฐอเมริกามาก แต่แตกต่างกันคือ สหรัฐอเมริกามีประธานาธิบดีเป็นประมุขมาจาก
การเลือกตั้ง ส่วนแคนาดามีสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักรเป็นประมุข และเป็นประเทศใน
เครือจักรภพอังกฤษ
– กลุ่มประเทศอเมริกากลางและหมู่เกาะอินดิสตะวันตก เป็นประเทศที่มีพื้นฐานของสังคมมาจาก
ลัทธิเจ้าผู้ครองนครหรือศักดินาสวามิภักดิ์มาก่อน เมื่อได้รับเอกราชจึงเปลี่ยนรูปแบบการปกครองแบบสาธารณรัฐ
มีประธานาธิบดีเป็นประมุข แต่ยังมีการปฏิวัติรัฐประหารบ่อยครั้ง ประชากรส่วนใหญ่ขาดการศึกษาและมีฐานะ
ยากจน ซึ่งมักเป็นชาวพื้นเมือง พวกเลือดผสมหรือกรรมกรผู้อพยพจากชนบทมาอยู่ตามแหล่งเสื่อมโทรม ทำให้
เกิดปัญหาความยุ่งยากในดินแดนอเมริกากลางอยู่เสมอจนถึงปัจจุบัน เช่น ประเทศนิการากัว ปานามา เฮติ
รูปแบบการปกครอง
ชีวิตความเป็นอยู่ของกลุ่มชนบทในทวีอเมริกาเหนือเป็นไปในมาตรฐานสูงและประเทศส่วนใหญ่ใน
ทวีปอเมริกาเหนือปกครอง ระบอบประชาธิปไตย ยกเว้นประเทศคิวบาที่มีการปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ ซึ่ง
สามารถสรุปรูปแบบการปกครองได้ดังนี้
การปกครองแบบประชาธิปไตย มีลักษณะดังนี้
– ระบบประธานาธิบดีเป็นประมุขและฝ่ายบริหาร ได้แก่ สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก ฮอนดูรัส เฮติ
โดมินิกัน ตรินิแดด และโตเบโก
– ระบบรัฐสภา มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข นายกรัฐมนตรีเป็นผู้บริหาร ได้แก่ แคนาดา เบลีซ
บาฮามาส จาเมกา เกรเนดา บาร์เบโดส เซนต์ลูเซีย เซนต์วินเซนต์ และเกรนาดีนส์ แอนติกาและบาร์บูดา
เซนต์คิตส์ และเนเวิส
– ระบบประธานาธิบดีเป็นทั้งประมุขและฝ่ายบริหาร แต่ได้รับความสนับสนุนจากผู้นำที่นิยม
เผด็จการ ได้แก่ กัวเตมาลา ปานามา นิการากัว และเอลซัลวาดอร์
การปกครองระบอบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ ได้แก่ คิวบา